หน้าเว็บ

วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

osi model

OSI ย่อมาจาก Open System Interconnection เป็นแบบจำลองของการเชื่อมต่อระหว่างระบบแบ่งเป็น 7 ชั้น เพื่อใช้กำหนดเป็นมาตรฐานให้กับระบบต่างๆ ให้สามารถทำงานและติดต่อถึงกันได้ โดยชั้นของ OSI Model มีไว้เพื่อใช้อ้างอิงการทำงานในการเชื่อมต่อระหว่างระบบในแต่ละชั้นการทำงาน ทั้งนี้เพื่อช่วยลดขนาดของปัญหาในการเชื่อมต่อให้เล็กลง ลองนึกดูถ้าเราไม่มีการแบ่งชั้นการทำงานหากมีปัญหาเกิดขึ้นมาเราไม่สามารถรู้ได้ว่าปัญหาเกิดขึ้นที่ไหน จะเริ่มแก้ปัญหาจากที่ใด การใช้เวลาในการแก้ปัญหาก็ต้องใช้เวลานาน แต่ถ้าเราแบ่งการทำงานออกเป็นส่วนย่อย ๆ หากมีปัญหาเกิดเราก็สามารถรู้ได้ว่าปัญหาเกิดที่ส่วนใด การแก้ปัญหาก็สามารถทำได้รวดเร็วขึ้น และ
ความสำคัญอีกข้อหนึ่งของ OSI Model คือ เพื่อให้ผู้ผลิตแต่ละรายสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำงานร่วมกันได้และไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นจากศูนย์และต้องทำให้ครบทุกองค์ประกอบ แต่สามารถพัฒนาขึ้นมาเพียงชั้นเดียวจากจำนวน 7 ชั้นแล้วนำไปใช้งานร่วมกับชั้นอื่นที่มีการพัฒนาไว้แล้วโดยหลักการแล้วแต่ละชั้นจะติดต่อกับชั้นในระดับเดียวกันที่อยู่บนเครื่องอีกเครื่องหนึ่ง แต่ในทางปฏิบัติแต่ละ
ชั้นที่อยู่ติดกัน(บนหรือล่าง)เท่านั้นที่จะมีการติดต่อกันจริง จะยกเว้นก็แต่ชั้นล่างสุดคือชั้น Physical ที่จะติดต่อกับชั้น Physical ของอีกเครื่องหนึ่งได้


osi model 7 ชั้น อาจแยกได้สอง ส่วน คือ
ส่วน แอพพลิเคชั่น (4ชั้นบน)
และ ส่วน เน็ตเวริก(3ชั้นล่าง)
7 ชั้น ที่ว่า มีดังนี้
7 แอพพลิเคชั่น
6 พรีเซนเตชั่น
5 เซซชั่น
4 ทรานสปอตต์
3 เน็ตเวริค
2 ดาต้า ลิ้งค์
1 ฟิสิกเคิล


ทั้ง 7 สามารถแบ่งออกได้ 3 กลุ่มย่อย
          กลุ่มที่ 1 Network support layer ได้แก่ Layer 1, 2, 3
          กลุ่มที่ 2 Link ระหว่าง Network support layer กับ user support layer ได้แก่ layer 4
          กลุ่มที่ 3 User support layer ได้แก่ layer 5, 6, 7
Functions of The Layers
 Physical Layer
Physical ติดต่อระหว่างผู้รับ
การส่งต่อข้อมูล
สื่อกลาง & สัญญาณ
เครื่องมือการติดต่อ
Data link layer

ควบคุมการส่งข้อมูลบน Physical link
ดูที่อยู่บนเครือข่าย Physical
Framing
ควบคุมให้เท่ากัน
ควบคุมการผิดพลาด (Error)
Synchronization ให้ผู้ส่งกับผู้รับใช้เวลาเดียวกันในส่งข้อมูล
ควบคุมการใช้สายสื่อสาร 
Network layer
รับผิดชอบในการหาเส้นทางให้ส่งข้อมูลจากต้นทางไปปลายทาง
Switching & Routing
หาที่อยู่อย่างมีเหตุผล
ไม่ต้องใช้ Technology ชั้นสูง
ไม่ต้องใช้สายโดยตรง


Transport layer
ควบคุมการส่งข้อมูลจาก ต้นทางไปยังปลายทางข้อมูลใน Layer นี้เรียกว่า " package "
เหมือนกัน ใช้ port address
Segmentation & Reassembly
ส่งไปเป็นลำดับ Segment Number
ควบคุมการติดต่อ
Flow Control
Eroor Control
คุณภาพการบริการ (QoS)
Session layer
ทำงานเกี่ยวกับการควบคุม dialog เช่น การเชื่อมต่อ บำรุงรักษา และ ปรับการรับ และส่งข้อมูลให้มีค่าตรงกัน
ทำหน้าที่เกี่ยวกับการกำหนด Synchronizationเปิดและปิดการสนทนา ควบคุมดูแลระหว่างการสนทนา
Grouping คือ ข้อมูลประเภทเดียวกันจะจับกลุ่มไว้ใน Group เดียวกัน
Recovery คือ การกู้กลับข้อมูล
 Presentation layer


เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างและการเปลี่ยนแปลงข้อมูลระหว่าง 2 ระบบ
Data Fromats และ Encoding
การบีบอัดข้อมูล (Data Compression)
Encryption - การเข้ารหัส Compression - การบีบ และอัดข้อมูล
Security - ควบคุมการ log in ด้วย Code, password
Application layer    
เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเข้าไปช่วยในการบริการ เช่น e-mail , ควบคุมการส่งข้อมูล , การแบ่งข้อมูล
เป็นต้นยอมให้ user, software ใช้ข้อมูลส่วนนี้เตรียม user interface และ Support service ต่าง ๆ
เช่น E-mail
ทำ Network virtual Terminal ยอมให้ User ใช้งานระยะไกลได้
File transfer , access และ Management (FTAM)
Mail services
Directory service คือการให้บริการด้าน Data Base
ตัวอย่างของ Protocols

Physical
WAN: T1,E1
LAN: 10/100 Base X
Interface: RS-232, X.21
Datalink
WAN: HDLC , PPP
LAN: Ethernet , Token Ring
Network
IPX, IP , X.25
Transport
TCP, UDP ,SPX NetBUEI
Session
NetBIOS
Presentation
X.216 / 266
Application
HTTP , FTP, SNMP

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น